กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ ออกปฏิบัติการ "ป่าช้าแตก” นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการเถื่อนในคืนฮาโลวีน ย่านช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

 

 

วันที่ 1 พ.ย. 2566 เวลา 00.30 น.

 

 

นายกองเอก อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน สั่งการให้กองร้อยบังคับการและบริการที่ 1 / กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 3 กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษกรมปกครองและกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเข้าจับกุมสถานบริการเถื่อนในคืนฮาโลวีน ย่านช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ “เลอเนิร์ฟ ผับ”

ผลการตรวจค้นและจับกุม พบนักเที่ยวจำนวนกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยนักเรียนนักศึกษา อายุระหว่าง 17 - 19 ปี ส่วนใหญ่ยังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี พนักงานฝ่ายปกครองได้ประสานให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ รับตัวเด็กไปคุ้มครองสวัสดิภาพและดำเนินการจัดทำประวัติ รวมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองมารับตัวไป

ในส่วนของผู้ดูร้านทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้

 

1. ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

3. จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

4. จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด

5. ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร

6. โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม

7. ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1) - (4) ทั้งนี้ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองชุดจับกุมจะได้เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ออกคำสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว เป็นเวลา 5 ปี ต่อไป

ในส่วนของการดัดแปลงอาคาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นั้น ทางจังหวัดเชียงใหม่จะได้ประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อออกคำสั่งระงับการใช้อาคารดังกล่าวต่อไป