ร้อย.บก.บร.บก.อส.จ.สมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจหลังประชาชนแจ้ง มีร้านค้าลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า
วันที่ 12 มี.ค. 2567 เวลา 16.00
นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร / ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร , นายวรณัฏฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร / รองผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร , นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร / รองผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสมุทรสาคร , นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร และ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร / ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองสมุทรสาครที่ 1 ได้สั่งการให้นายธัชฐพงษ์ บุญกรม ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร นายปฐม เอมโอษฐ์ ป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร ปลัดอำเภอเมือง เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสมุทรสาคร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกองร้อยบังคับการและบริการ และชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินการเข้าตรวจร้านค้าภายในอาคารพาณิชย์บริเวณตรงข้ามแลนด์มาร์คมหาชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับเรื่องร้องเรียน / ร้องทุกข์ จากประชาชนว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า บริเวณตึกแถวตรงข้ามแลนมาร์คมหาชัย ต.มหาชัย อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงตามที่ได้รับการร้องเรียนจากการเข้าดำเนินการของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร พบว่าร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นตึกแถวประตูทางเข้าเป็นกระจกปิดด้วยสติ๊กเกอร์ทึบลายดอกไม้ เมื่อสายลับเปิดประตูเข้าไปภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์วางอยู่ในตู้กระจกใสตั้งอยู่บริเวณกลางร้านและพบผู้หญิงจำนวน 2 ราย ยืนอยู่หลังตู้กระจกภายในร้าน สายลับจึงทำการขอซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากผู้หญิงคนดังกล่าว เมื่อสายลับได้บุหรี่ไฟฟ้าและชำระเงิน โดยใช้ธนบัตรฉบับละ 500 บาท (ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำรายงานประจำวันไว้แล้วทำการล่อซื้อ) แล้ว จึงได้แจ้งเจ้าพนักงานชุดจับกุมทราบ เมื่อพนักงานชุดจับกุมทราบว่ามีการจำหน่ายฯจริง จึงได้เข้าตรวจสอบและพบ น.ส.นิละมัย กับ น.ส. นีรนุช (ทราบชื่อภายหลังการจับกุม) ยืนอยู่หลังตู้กระจกภายในร้าน เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน น.ส.นิละมัย และ น.ส.นีรนุช แสดงตนเป็นพนักงานขายประจำร้านและให้การยอมรับว่าที่ร้านมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าจริงจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นภายในร้าน หลังจากการตรวจค้นพบธนบัตร ที่ใช้ในการล่อซื้ออยู่ที่ช่องเก็บของใต้ตู้โชว์บุหรี่ไฟฟ้าเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย 1.หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบเปลี่ยน จำนวน 555 ชิ้น 2.บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง 113 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าแบบ POT จำนวน 6 ชิ้น 4.คอยล์บุหรีไฟฟ้า จำนวน 50 ชิ้น 5.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบเติม จำนวน 190 ชิ้น 6.บัญชีรายการสิ่งของภายในร้าน โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 และมาตรา 246 วรรคแรก ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557” และ “ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติม บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า”ทั้งนี้ น.ส.นิละมัย และ น.ส.นีรนุช (ผู้ถูกจับกุม) ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าพนักงานชุดจับกุม จึงรวบรวมของกลางทั้งหมด พร้อมทั้งควบคุมตัวทั้งสองคน มาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดสมุทรสาคร (กลุ่มงานความมั่นคง) และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินคดีต่อไป