ผบ.ร้อย.อส.อ.ปากช่อง บก.อส.จ.นครราชสีมา ลงพื้นที่ตำบลจันทึก ควบคุมไฟป่า ต้นตอ PM 2.5

 

 

วันที่ 27 ม.ค. 2568 เวลา 09.30 น.

 

 

นายคณัสชนม์ ศรีเจริญ นายอำเภอปากช่อง / ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอปากช่องที่ 13 ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ป่า ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองพลาธิการ ทหารบก มีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ โดยพื้นที่ ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่โล่งและเป็นป่าหญ้าแห้ง ซึ่งพื้นที่เสียหายประมาณ 80 ไร่ อยู่ในพื้นที่บ้านซับหินแก้ว หมู่ 16 ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง เขตรอยต่อ บ้านหนองใหญ่ หมู่ที่ 10 บ้านหนองใหญ่ ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จึงได้ประสาน สมาชิก อส. สังกัด ร้อย.อส.อ.ปากช่อง 13 , นายวิฑูรย์ มุ่งปั่นกลาง กำนันตำบลจันทึก , นายสมปอง รอดตุ่น นายก อบต.จันทึก พร้อม นายสมนึก จ่ากลาง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 16 นำทีมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครหมู่บ้าน  จังหวัดนครราชสีมา , หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ นม.1 (ปากช่อง) และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.จันทึก ได้ลงพื้นบูรณาการดับไฟป่า ซึ่งเป็นต้นตอของ PM 2.5 ซึ่งเป็นนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ได้กำชับให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ทุกคนให้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ ห้ามจุด ห้ามเผา หากพบเห็นผู้กระทำการดังกล่าว ให้แจ้งมายังอำเภอปากช่อง เพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ต่อผู้กระทำความผิด ต่อไป

ในการนี้ อำเภอปากช่อง ได้ตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาฝุ่น ควัน PM 2.5 ขึ้นเพื่อบูรณาการทุกภาคีเคลือข่าย ในการแก้ไขปัญหาต้นตอ การเกิดฝุ่น PM 2.5 โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้

 

1. ทีมตำบลจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ส่งรายชื่อ เพื่อทำคำสั่งใช้  และให้ เข้าพื้นที่เมื่อได้รับรายงานจากผู้ใหญ่บ้าน พบว่ามีการเผา หรือไฟไหม้ เพื่อ เข้าดับไฟ พร้อมควบคุมตัวผู้ก่อเกตุ หรือผู้ที่สงสัยว่าก่อเหตุ เพื่อแจ้ง จนท.ตร.จับกุมดำเนินคดี

2. การดำเนินการเมื่อเข้าพื้นที่เกิดเหตุ ให้บันทึกวีดีโอ ตลอดเวลาที่ปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดี ต่อผู้กระทำความผิด

3. ให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รายงานสถานการณ์ การเผา หรือเหตุไฟไหม้พื้นที่ เป็นห้วงเวลา ดังนี้  นับแต่ เวลา 07:00 น 11:00 น.15:00 น 19:00 น และ 23:00 น. เป็นประจำทุกวัน

4. ให้ ฝ่ายความมั่นคงจัดทำรูปแบบการรายงาน ตามข้อ 3 เพื่อรวบรวม จัดทำรายงานผลการปฏิบัติ

5. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกหมู่บ้าน ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เชิงรุกอย่างเข้มข้น และจัดทำ ข้อมูลบุคคล หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา เพื่อเคาะประตูบ้านทำความเข้าใจ อย่าให้มีการเผาพื้นที่เกษตรโดยเด็ดขาด พร้อมให้รายงานการปฏิบัติ เพิ่มเติม ในการรายงานตามข้อ 3

6. การป้องกันการเผา เพื่อแก้ปัญหา PM2.5 เป็นนโยบายสำคัญ หากพบว่า มีการรายงานว่าไม่มีเหตุ แต่กลับ เกิดเหตุขึ้น ในพื้นที่  และไม่มีการปฏิบัติการแก้ไขปัญหา หรือไม่รายงานให้ทราบ  ถือว่าเป็นความบกพร่อง ของพื้นที่